อนิเมชันเรื่องที่ 8 ของพิกซาร์ และเป็นเรื่องแรกที่ใช้ชื่อ ดิสนีย์-พิกซาร์
- ปกติแล้วพิกซาร์จะต้องโชว์เทคโนโลยีด้าน CG ใหม่ในหนังแต่ละเรื่องเสมอ เรื่องนี้โชว์หลายอย่าง เช่น ฉากน้ำในท่อประปาที่ซับซ้อนกว่า Finding Nemo 10 เท่า, การเรนเดอร์อาหารประเภทต่างๆ ที่เน้นเรื่องพื้นผิวและ texture, การจำลองฉากที่มีอยู่แล้ว (ปารีส) ที่เหมือนจริงและชวนฝันในเวลาเดียวกัน
- คุยกับเซียน CG เค้าบอกว่าเรื่องนี้มีการใช้ SSS ด้วย
- Ratatouille เป็นชื่ออาหารฝรั่งเศส (สตูผักอย่างหนึ่ง) ซึ่งเชื่อว่าร้านอาหารฝรั่งเศสทั่วโลกจำนวนไม่น้อย จะต้องเพิ่มเมนูนี้เนื่องจากถูก "ถามถึง" โดยแฟนหนัง
- จุดด้อยเดียวในเรื่องนี้คงเป็นการใช้หนูเป็นตัวเอก ด้วยความรู้สึกที่ถูกฝังหัวเรากันมานาน มันก็ยังรู้สึกอี๋ๆ อยู่บ้าง ดูแล้วไม่สนิทใจน่ะ (ดันทำหนูซะเหมือนทั้งพฤติกรรม ท่าทาง) เชื่อว่าประเด็นนี้มีผลต่อการขายของเล่นแน่นอน
- ผู้กำกับ-เขียนบทคือ Brad Bird เจ้าเก่า เลยไม่แปลกใจที่บทหนังมีคุณภาพ สนุกและมีแง่คิดตามสไตล์พิกซาร์ แต่ดีกรีความไหลลื่น ผมยังยกให้ The Incredible เป็นอันดับแรกอยู่ (ไม่ได้ดู Cars)
- อ่านเบื้องหลังการสร้างใน Wikipedia ก็น่าประทับใจ ทีมงานลงทุนใส่ชุดพ่อครัวกระโดดลงสระ เพื่อดูว่าผ้าจุดไหนเปียกแล้วแนบเนื้อ จุดไหนเปียกแล้วโปร่งแสง นี่ยังไม่รวมพนักงานต้องไปเข้าคอร์สทำครัว และเลี้ยงหนู ซึ่งดูเป็นไฟต์บังคับอยู่แล้ว
สรุปสั้นๆ ว่าหนังพิกซาร์ก็ไม่น่าพลาดอยู่แล้ว (มั้ง)
the incredible
the incredible ผมดูในโีรงรอบแรกชอบมาก ดูดีวีดีรอบสอง...หลับ!!!
ทีมงานลงท
ทีมงานลงทุนดีแฮะ
ความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาจาก Ego ตอนท้ายเรื่องนี่ทำให้อินตามไปด้วย
แบบว่าอร่อย น่ากิน แต่ขอเวลาทำใจหน่อย
หนุกดี ชอบ
หนุกดี
ชอบ
น้ำตาจะไห
น้ำตาจะไหล อินกับฉาก re-action หลังกินมาก (ยังกะเจปัง)
เพิ่งกลับต่างจังหวัดไปกินของอร่อยที่คุ้นเคยแถวบ้านมา อารมณ์นั้นเปี๊ยบ